ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจริง คือ เปลี่ยนนโยบาย Zero Covid เป็น Living with Covid
นโยบายจัดการการแพร่ระบาดของโรคโควิด สองสาย คือ Zero Covid ที่ไม่ยอมให้มีโรคโดยใช้มาตรการบังคับต่าง ๆ รวมทั้ง Lock down แต่รัฐต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรวมทั้งชดเชยความเสียหาย กับ Living with Covid ที่จะอยู่กับโรค ขอความร่วมมือเป็นหลัก ไม่บังคับ ไม่ต้องชดเชย
รายงานเมื่อกลางปี 2021 เสนอว่า ประเทศที่ใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้ติดเชื้อน้อยกว่า เสียชีวิตน้อยกว่า และเศรษฐกิจเติบโตดีกว่า หลัง 2 ปีผ่านไป รายงานนี้ก็พิสูจน์ตัวมันเองแล้ว
เมื่อการระบาดของโรคโควิดติดต่อกันในปีที่ 2 ประเทศที่เคยใช้มาตรการบังคับ Lock down ต่าง ๆ พากันหมดเงินและหมดแรง เศรษฐกิจไม่เติบโต จึงยกเลิกมาตรการบังคับ เปลี่ยนไปใช้นโยบาย Living with Covid กันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกันจึงต้องเปลี่ยน Pandemic ที่เป็นภาวะวิกฤต ให้กลายเป็น Endemic หรือโรคประจำถิ่น ไม่งั้นจะ Living with Covid ได้อย่างไร
เหลือ Zero Covid เพียง 2 ประเทศ คือนิวซีแลนด์ และ จีน
เมื่อ Omicron แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก ด้วยความสามารถใหม่ เคยป่วยแล้ว ก็ป่วยได้อีก ฉีดวัคซีนแล้วก็ป่วยใหม่ได้ นิวซีแลนด์และจีนแม้ฉีดวัคซีนครอบคลุมและใช้มาตรการบังคับเต็มที่ ก็ไม่สามารถสกัดกั้น Omicronได้ การแพร่ระบาดเพิ่มสูงทำลายสถิติเดิม กำลังเป็นปัญหาทั้งสองประเทศ
นิวซีแลนด์เริ่มเปลี่ยนนโยบายจาก Zero Covid โดยยกเลิกมาตรการบังคับต่าง ๆ เตรียมกำหนดการเปิดประเทศ
เหลือจีนประเทศเดียวที่ยังใช้นโยบาย Zero Covid ด้วยการปิดเมืองยกเลิกกิจกรรมต่าง ๆ ตรวจหาเชื้อประชาชนทั้งเมือง แม้เซี่ยงไฮ้ที่มีประชากร 25 ล้านคน ก็ปิดหมดทั้งเมือง ถึง 9 วัน มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าจีนจะทนใช้นโยบาย Zero Covid ต่อไปได้นานแค่ไหน
สำหรับไทยที่ใช้นโยบาย Lock บ้าง หยุดบ้าง ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเอายังไง หลังประกาศจะให้ Omicron เป็นโรคประจำถิ่น Omicron ก็แพร่ระบาดอย่างหนัก จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันสูงกว่า ช่วงสูงสุดของ Delta เกิน 2 เท่า บุคลากรในโรงพยาบาลติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดเกือบ 500 คนต่อวัน ผู้ป่วยในโรงพยาบาลบางวันเกิน 250,000 คน ปอดบวมและใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้นทุกวัน
มีสายกลางระหว่าง Zero Covid กับ Living with Covid ให้เลือกไหม
Omicron โรคประจำถิ่นที่แพร่ระบาดรุนแรง มากกว่า โรคระบาดที่แพร่กระจายทั่วโลก แบบนี้ขอไม่เอาได้ไหม