วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

โควิดจวนหมดแล้วใช่ไหม

    ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา หากผลตรวจ ATK ได้ 2 ขีด ก็ไม่ต้องตรวจ RT-PCR นอกจากจะรับไว้ในโรงพยาบาลหรือส่งต่อ จำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันก็ลดลงบ้าง ขณะนี้คนเดินทางเข้าประเทศไทยก็ไม่ต้องใช้ผลตรวจ RT-PCR เป้าหมายให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นก็ถูกกำหนดไว้ที่เดือนกรกฎาคม 2565

     แสดงว่าโควิดจวนหมดจากประเทศไทยแล้วใช่ไหม

    สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราการเสียชีวิตขึ้นไปเกินกว่า 120 คนต่อวันติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ปอดบวมมากกว่า 2000 คน การใส่ท่อช่วยหายใจมากกว่า 800 คน ที่สำคัญที่สุด ตัวเลข การเสียชีวิตเกินกว่าที่คาดการณ์ (Excess mortality) ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 สูงกว่า ปี 2563 และ 2564 อย่างมาก คิดเป็นจำนวนเสียชีวิตสูงกว่าที่คาดการณ์ถึง 20000 คน

    กลยุทธตรวจให้น้อยลง ก็อาจทำให้จำนวนป่วยต่อวันน้อยลง นอกจากไม่สามารถลดการเสียชีวิตจากโควิดได้ ไม่สามารถลดปอดบวมและจำนวนใส่ท่อช่วยหายใจได้แล้ว

    การไม่ตรวจยังย้ายผู้เสียชีวิตจากโควิดไปเป็นเสียชีวิตจากเหตุอื่นอีกด้วย และที่สำคัญยิ่งระบาดมากกลับเพิ่มจำนวนเสียชีวิตโดยรวมมากขึ้นอีก

    ช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาด ช่วยกันสวมหน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างกัน ไม่ไปในที่สาธารณะ รวมทั้งทำงานและประชุมออนไลน์ และฉีดวัคซีนให้ครบรวมเข็มกระตุ้นที่สามและที่สี่ ต่างหากที่จะช่วยลดการเสียชีวิตในภาพรวมของคนไทยลงได้

 

 


วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565

เจอ แจก แล้วไม่จบ ทำไง


 เมื่อจะให้ Omicron กลายเป็นโรคประจำถิ่น ใครป่วยก็ต้องช่วยตัวเองก่อน แนวทางเดิมที่ให้โรคโควิด-19 ถือเป็นวิกฤตโรคระบาด ตรวจไม่เสียเงิน รักษาที่ไหนก็ได้ โดยรัฐจ่ายค่ารักษาให้ หลังจากหมดไปเป็นแสนล้านกับค่าตรวจรักษาและค่าอื่น ๆ  จึงคิดได้ว่าไม่มีเงินจ่ายแล้ว แนวทางใหม่ ให้เป็นโรคประจำถิ่น รักษาด้วย เจอ แจก จบ จึงมาแทนที่

นั่นคือใครป่วยให้ออกค่าตรวจ ATK เอง พอเจอ 2 ขีด ให้เดินทางไปรับแจกยาที่โรงพยาบาล หรือร้านยา ไหน ๆ ก็เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ขณะเดินทางแจกเชื้อไปด้วยก็ไม่ว่ากัน ถึงโรงพยาบาลก็เจอฝูงชนติดเชื้อแออัดแลกเปลี่ยนเชื้อกันและกัน ส่งเสริมการกลายพันธุ์ เพื่อสร้างเอกลักษณ์สายพันธุ์ไทยประจำถิ่น แล้วก็รอ รอ รอ หลายชั่วโมง กว่าจะได้รับแจกยา อุปกรณ์ต่าง ๆ ระหว่างรอก็เดินว่อนแจกเชื้อทั้งในโรงอาหาร ห้องน้ำ ที่อื่น ๆ ทั่วโรงพยาบาลแล้วค่อยเดินทางกลับบ้านไปแจกเชื้อในครอบครัวและชุมชนต่อไป 

จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากสูงสุดช่วง Delta วันละเกือบ 150 คน เป็นวันละเกือบ 500 คน ช่วงเตรียมการให้ Omicron เป็นโรคประจำถิ่น

โรงพยาบาลก็จัดเจ้าหน้าที่มาให้ตามมีตามเกิด เพราะนี่เป็นภาระเพิ่มจากเดิม บางโรงพยาบาล เอาเจ้าหน้าที่ติดเชื้อป่วยกักตัวครบ 5-7 วัน ไม่แน่ใจว่าเชื้อหมดหรือไม่ก็ให้มาอยู่ตรงนี้ เพราะติดเชื้อด้วยกันช่วยดูแลกัน เอาเชื้อเขามาใส่ตัวเรา เอ้ย ไม่ใช่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ระหว่างป่วยก็จะมีโทรจากโรงพยาบาลถามสองสามประโยค 

หากโชคดีร่างกายแข็งแรงก็หายป่วย ได้หยุดรวม 5-7 วัน ก็ให้กลับไปทำงานอย่างระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่ามีเชื้ออยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ไปแจกต่อขณะทำงาน

นี่คือส่วนใหญ่ที่อาการน้อย หรือจะเรียกสีเขียวก็ได้ และไม่อยู่ในกลุ่ม 608 คือ สูงอายุ โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคไตวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และตั้งครรภ์

แต่ถ้าเป็น 608 หรือ เกิดเปลี่ยนสีระหว่างกักตัวที่บ้าน ขอให้เร่งติดต่อสายด่วน สายโรงพยาบาล ไลน์ ต่าง ๆ  ให้สำเร็จ เพราะควรจะเข้ารักษาที่ไหนก็ได้ ควรจะไม่เสียเงิน ถ้ามีปัญญารอจนมีคนรับสายจนหาเตียงได้

แต่ถ้าติดต่อเท่าไรก็ไม่มีสายว่าง หาเตียงไม่ได้ และหอบเหนื่อยมากขึ้น ไม่ไหวแล้ว ก็เบิกเงินสะสมทั้งชีวิต ถ้าไม่มีก็กู้ไว้ก่อน แล้วไปโรงพยาบาลเอกชนที่ยังพอมีเตียง เพื่อให้รอดชีวิตต่อไป

ดังนั้นป้องกันตัวเอง โดยฉีดวัคซีนให้ครบ 3 เข็ม ถ้าอายุ 50 ปีขึ้นไปก็ 4 เข็ม สวมหน้ากากตลอด ล้างมือให้บ่อย เว้นระยะห่าง ไม่ไปที่สาธารณะ ทำงานและประชุม Online ให้หมด เพื่อไม่ให้ติดเชื้อดีที่สุด

ทั้งหมดนี้เขียนเล่น ๆ  ห้ามทำตามโดยเด็ดขาด ยกเว้นย่อหน้าสุดท้าย

อยากเขียน แต่ต้องทำงานสำคัญ

เขียนนิยายค้างไว้ กำลังสนุกกับการเขียน ยังไม่ทันเขียนต่อ งานสำคัญก็โถมกระหน่ำเข้ามา แย่งเวลาเขียนนิยาย เวลาพักผ่อน เวลาอื่น ๆ ไปจนหมด  เสียด...